หมู่บ้านนาขุนแสน (หมู่บ้าน ไท-ยวน)
หมู่บ้านนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยรัฐกาลที่
1
โดยรัชกาลที่ 1 ได้โปรดเกล้าให้เจ้าเมืองเชียงแสนย้ายมาอยู่ที่จังหวัดราชบุรี
ซึ่งส่วนใหญ่ก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านนาขุนแสน ตั้งแต่ พ.ศ. 2435 โดยชาวบ้านนาขุนแสนได้เล่าว่าสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษชาวเชียงแสน
ซึ่งเป็นอาณาจักรล้านนาไทยหรือโยนก เรียกตัวเองว่า “ญวน”
หมู่บ้านเดิมเรียกว่า ท่าสะแก ต่อมาแยกหมู่บ้านเป็นนาขุนแสน (ฝั่งซ้ายล้าน้ำชี)
ที่มาของชื่อหมู่บ้านมาจากการที่มีทหารพม่ามาตั้งค่ายอยู่บริเวณหมู่บ้าน
พอทหารพม่าย้ายกลับจึงเรียกว่า วัดประชุมพลแสน (พลแสนทหารพม่ามาตั้งค่ายเป็นแสน)
จึงเป็นหมู่บ้านมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งชื่อหมู่บ้านในปัจจุบันกลายเป็นบ้านนาขุนแสน แต่ส้าหรับวัดยังชื่อ “วัดประชุมพลแสน”
สิ่งสักการะภายในวัดประชุมพลแสน
เมื่อเดินทางเข้าไปภายในบริเวณวัดก็จะพบศาลาหลวงพ่อแกละ ผู้คนสัณจรมานมัสการเชื่อว่า
หากท่านใดมาขอพรหลวงพ่อแกละ แล้วเชื่อว่าจะมีแต่ความโชคดีโดยเฉพาะ
เรื่องของความแคล้วคลาด ปลอดภัย ภายในวัดก็จะมี พระเจ้าตากสิน ศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง
นมัสการหลวงพ่อแกละ
จุดนมัสการศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง
ประเพณี
มีการจัดงานประเพณีทั่วๆไปคล้ายกับหมู่บ้านอื่น ได้แก่
งานวันสงกรานต์งานลอยกระทงงานวันเข้าพรรษา – ออกพรรษา
แต่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตามขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของชาวไท-ยวนที่สืบทอดมาอย่างยาวนานที่แตกต่างจากหมู่บ้านอื่นๆทั่วไป
ได้แก่ เพลงพื้นบ้าน รำวงพื้นบ้าน เป็นต้น และยังมีประเพณีเด่น
ๆ อื่นๆ อีก ได้แก่
1.ประเพณีสลากภัตร เป็นประเพณีที่ชาวบ้านจะมีการทำเครื่องอัฐบริขารเพื่อถวายพระสงค์ในช่วงเข้าพรรษา
ซึ่งเป็นประเพณีที่คล้ายๆกับของทางภาคเหนือ
2.ประเพณีทำบุญกลางบ้าน
เดือน 6 เป็นการประชุมกันของชาวบ้าน
ซึ่งจะนำอาหารทั้งคาวและหวานมาเลี้ยงพระกลางสี่แยก ช่วงเวลาที่จะทำประเพณีนี้คือ
เดือน 6 ของทุกๆปี
3.ประเพณีถวายเครื่องเซ่นไหว้เจ้าพ่อสี่วัย
และ เจ้าแม่พิมพา จะจัดขึ้นในเดือน 5 ของทุก ๆ ปี
ชาวบ้านจะนำเครื่องเซ่นไหว้ อันประกอบไปด้วย
ไก่หนุ่ม ไก่แก่ เหล้าขาว ขนมต้มแดงต้มขาว มาถวายที่ศาลของเจ้าพ่อ แต่หากชาวบ้านคนไหนที่ไม่สะดวกมาถวายที่ศาล
ก็สามารถถวายที่บ้านได้
โดยทำการเรียกเจ้าพ่อเจ้าแม่ให้มารับของเซ่นไหว้ที่บ้านได้เช่นเดียวกัน
4.ประเพณีการรับขวัญเด็ก เป็นการรับขวัญเด็กทารกแรกเกิด หลังออกจากโรงพยาบาล โดยมีวิธีการคือ
เมื่อได้ฤกษ์งามยามดี บรรดาวงญาติต่างมาชุมนุมล้อมกันเป็นวงกลม
ให้เด็กที่ทำพิธีรับขวัญอยู่ตรงกลาง จะนำเด็กใส่ไว้ในกระด้ง หากผู้ปกครอง ปู่ ย่า ตา ยาย ญาติพี่น้องคนไหน อยากให้เงินก็เอาเงินใส่
อยากให้ทองก็เอาทองใส่
ผู้อาวุโสที่สุดจุดรูปเทียนบูชาพร้อมทั้งกล่าวอันเชิญเทวดา มาให้คุ้มครองเด็ก
ต่อจากนั้นหยิบสายสิญจน์ในพานมาเส้นหนึ่ง
ลูบปัดที่แขนและข้อมือเพื่อปัดเป่าเคราะห์โศกโรคภัยให้ออกไปแล้วจึงผูกข้อมือ
ผู้ทำพิธีเอาแป้งกระแจะเจิมที่หน้าผากแล้วใช้ช้อนตักน้ำให้กิน 5 ช้อน พร้อมกล่าวให้พร อันเป็นการเสร็จพิธี ญาติผู้ใหญ่ท่านอื่น
ก็ทำการผูกข้อมือให้ครบทุกคน ผู้ใหญ่ท่านใดพอมีฐานะก็สามารถให้สร้อยทองก็ได้ หลังจากเสร็จพิธีแล้ว
จะมีอยู่ 2 กรณีคือ
1. ให้นำเครื่องบายศรีปากชามและเครื่องกระยาบวชไปเทเซ่นผีไว้กลางแจ้ง
นอกจากนั้นให้ห่อผ้าวางไว้ข้างเบาะเด็ก 3 วัน
แล้วนำผ้านั้นไปลอยในน้ำที่มีการไหลเวียนอยู่เสมอเช่น แม่น้ำ
เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคล
2.ให้ร่อนกระด้ง หมุนไป
3 รอบ
แล้วโยน(ยื่นเบาๆ)ให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งรับกระด้งนั้นไว้ ถือว่ารับเป็นแม่อีกคน ตามคำโบราณที่เคยได้ยินกันว่า
เด็กทุกคนที่เกิดมาจะมีแม่ซื้อประจำตัว (แม่ซื้อคือเทวดาข้างกายทารกต่าง ๆ
ประจำวันเกิดทั้ง 7 ) ชาวบ้านเชื่อว่าแม่ซื้อคือผีที่มีจิตใจริษยา
และอาจทำให้เด็กไม่สบายได้ แม่ซื้อทั้งเจ็ดตนนี้
แต่ละตนจะสำแดงเดชให้ทารกได้รับความเจ็บป่วยแตกต่าง ๆ กันไป เช่น ทำให้ปวดท้อง
อาเจียน ร้องไม่หยุด หรือบางครั้งก็มีอาการหวาดผวา จึงมีการร่อนกระด้ง
ว่า “สามวันลูกผี สี่วันลูกคน ลูกของใคร ใครเอาไปเน้อ" ฝ่ายพ่อแม่ก็จะรับว่าเป็นลูกตน คนทำพิธีก็จะส่งลูกให้
แม่ซื้อเดิมก็จะรู้ว่าทารกนั้นเป็นลูกคนแล้ว และจะไม่มารบกวนอีก
วัฒนธรรมการแต่งกายไท-ยวน ของบ้านนาขุนแสน
ในปัจจุบันนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านนาขุนแสน
จะใส่ชุดไท-ยวน เฉพาะเวลาไปทำบุญหรือมีเทศกาลงานบุญเท่านั้น โดยปกติจะใส่เสื้อผ้าธรรมดาทั่วไป
เครื่องแต่งกายหญิง
เครื่องแต่งกายชาย
อาหารพื้นบ้าน บ้านนาขุนแสน
ในเรื่องของอาหารการกิน หมู่บ้านนาขุนแสนก็จะมีอาหารเด่นๆอยู่หลายอย่าง
ทั้งขนมเส้นน(ขนมจีน) น้ำพริก บัวลอยยวน ข้าวต้มมัด ยำหน่อไม้ หลามบอน เป็นต้น
แกงหยวก
วิถีชีวิต
ชาวบ้านในหมู่บ้านนาขุนแขนจะอยู่กันอย่างพอเพียง
มีการทำเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกพืชผักสวนครัว มีการจักสานพวกของใช้ไว้ใช้เอง เช่น
ตะเข่ง เปลไม้ไผ่ ตะกร้า และมีการจัดจำหน่ายเพื่อให้เพื่อนบ้านไปใช้บ้าง
มีการเก็บผักตามข้างลำห้วยสองสายที่กล่าวมาตั้งแต่แรกแล้ว เช่น ผักกรูด ผักบุ้ง
เก็บหน่อไม้ เก็บเห็ดและเก็บสมุนไพรในป่าสาธารณะที่ขึ้นตามฤดูกาล
มาจำหน่ายและบริโภคเองด้วย
ความเชื่อ
ในส่วนของความเชื่อ
ชาวบ้านจะมีการนับถือผีปู่ผีย่า การที่จะให้ผู้อื่นเข้าพักบ้านของตนเองนั้น
ต้องทำการเลี้ยงผีหรือบอกกล่าวก่อน โดยมีข้อห้ามในการเข้าพักอยู่ว่า
ชาย-หญิงที่เป็นแฟนกัน หรือเป็นผู้ที่ยังไม่ได้มีการสมรสกันตามประเพณีจะไม่ให้อยู่ด้วยกัน
จะต้องแยกกันอยู่คนละห้อง มิเช่นนั้นจะถือว่าผิดผี บ้านนั้นจะไม่มีความเจริญ
ไม่มีความสุขในการอยู่บ้าน
ชุมชนบ้านนาขุนแสนมีแม่น้ำลำภาชีไหลผ่าน จึงมีสะพาน "มิตรภาพชุมพล"
หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า "สะพานไทยวน"
เป็นสะพวนที่คนในชุมชมใช้ในการเดินทางข้ามแม่น้ำเพื่อไปมาหากัน
สะพานมีสีสันที่สวยงาม
สะพานมิตรภาพชุมพล หรือ สะพายไท-ยวน
แม่น้ำลำภาชี และ สะพานไท-ยวน
แม่น้ำลำภาชียามเย็น
นอกจากนี้ชุมชนบ้านนาขุนแสนยังมีต้นยางใหญ่อายุกว่า
200 ปี ธรรมชาติร่มรื่นและที่สวยงาม ให้ดูและพักผ่อนหย่อนใจ
ต้นยางใหญ่ อายุกว่า 200 ปี ขนาดประมาณ 10 คนโอบ
สวนป่าสาธารนะชุมชน
บ้านนาขุนแสนยังได้มีการจัดการท่องเที่ยวชุมชน โดยให้ชาวบ้านที่สนใจในการเปิดบ้านเป็นโฮมสเตย์ รับนักท่องเที่ยวที่สนใจในวัฒนธรรมไท-ยวน บ้านนาขุนแสน ได้มีการประชุม ปรึกษา และออกความคิดเห็น ในการเปิดรับนักท่องเที่ยว
บรรยากาศภายในชุมชมไม่ร้อนมาก เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังบ้างพักจะรู้สึกถึงความร่มรื่นที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ต่างๆ อากาศที่ดีมีO2 บ้านพักแต่ละหลังที่เปิดให้เข้าพัก มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น เช่น ห้องน้ำที่สะอาด ห้องครัว ผ้าห่ม หมอน มุ้ง โทรทัศน์ พักลม ภายในชุมชนมีจักรยานไว้ให้ผู้เข้าพักได้ไว้ใช้ในการเดินทางไปไหนมาไหน โดยการประหยัดพลังงานเพิ่มพลังกาย แถมสุขภาพดี แทนการใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์
แอดมินเป็นนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่ได้เดินทางไปเข้าพัก บริเวณรอบๆบ้านจะเป็นต้นไม้ร่มรื่น หน้าบ้านจะมีต้นไม้ดอกสวยงาม ภายในบริเวณห้องพักก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ เช่น พัดลม โทรทัศน์ หมอน ผ้าห่ม เป็นต้น เจ้าของบ้านมีความเป็นกันเอง
ที่พัก
ภายในบ้านพัก
ภายในชุมชนบ้านนาขุนแสนที่เปิดบ้านให้พัก แต่ละหลังก็จะมีกฎข้อห้ามไว้ใช้เหมือนกันทุกหลัง เช่น
-ห้องสามีภรรยา หรือ
คู่รักนอนบ้านหลังเดียวกัน
-ห้ามออกไปไหนเกิน 4 ทุ่ม
-ห้ามพูดจาหยาบคาย
-ห้ามพูดลบหลู่สิ่งศักสิทธิ์
-ห้ามพูดท้าทายสิ่งที่มองไม่เห็น
-ห้ามเล่นปิดแอบ หรือ เล่นซ่อน
หลังพระอาทิตย์ตกดิน
เป็นต้น
การมาเข้าพักโฮมสเตย์บ้านนาขุนแสนได้เข้าใจวิถีชีวิต
ได้ซึมซับธรรมชาติ ยังได้เรียนรู้การทำอาหาร และขนม ของชาวไท-ยวน การตำพริกแกงเผ็ดฉบับไท-ยวนบ้านนาขุนแสน และยังได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะเห็ดอีก
การทำข้าวต้มมัด
การห่อข้าวต้มมัด
ส่วนผสมพริกแกงเผ็ด
คลุกเคล้าส่วนผสม
พริกแกงใสเครื่องปั่น
พริกแกงเผ็ดออกมาแล้ว
ก้อนเห็ดนางฟ้า
เล้าเห็ดนางฟ้า
ก้อนเห็ดที่เชื้อเห็ดเดินเต็ทพร้อมออกดอก
ดอกเห็ดนางฟ้า
พร้อมเก็บไปปรุงอาหารได้แล้ว
ตัวอย่างบ้านพักแต่ละหลัง
สนใจเข้าพัก ติดต่อ
ผู้ใหญ่บ้าน นางสายสุนีย์ สุขสมพงษ์ โทร 089-820-3142